Wednesday, January 28, 2015

สรุปการเปลี่ยนแปลงภาษีของคณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล ตอนที่ 1

เมื่อปลายปี 2557 ที่ผ่านมาได้มีการเปลี่ยนแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนของคณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล นั่นก็คือมีการแก้คำนิยามของคณะบุคคลแและห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล กับ ยกเลิกการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของส่วนแบ่งกำไรจากคณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปแล้ว การแก้ไขเพิ่มเติมนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป

เมื่อมีการแก้ไขแล้ว หลายๆ ท่านก็ยังสงสัยอยู่ว่าแล้วมันต่างจากแบบเดิมอย่างไร และแบบใหม่นี้มีอะไรที่เพิ่มขึ้นมาบ้าง ดังนั้นเราลองมาดูว่าถ้าเรามีคณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคลอยู่ เราจะต้องทำอย่างไรบ้าง ขอยกเป็นตัวอย่างจะได้เข้าใจได้ง่ายนะคะ

ตัวอย่าง

สมมุติว่ามีห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคลชื่อ เอบีการแพทย์ ทำกิจการเปิดรักษาผู้ป่วยในคลีนิก มีหุ้นส่วน 2 คน คือ นายแพทย์เอ กับ นายบี แล้วในปี 2557 ที่ผ่านมา มีรายได้ทั้งปีเข้าห้างหุ้นส่วนสามัญเท่ากับ 1,000,000 บาท เมื่อถึงเวลาที่จะต้องยื่นภาษีในปี 2558 ห้างหุ้นส่วนสามัญนี้จะมีวิธีการคำนวณภาษีดังนี้

1. การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล เอบีการแพทย์
รายได้             จากกิจการรักษาผู้ป่วยในคลีนิก                         1,000,000 
หักค่าใช้จ่าย     โดยเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา (ร้อยละ 60%)       600,000
คงเหลือ           เงินได้หลังการหักค่าใช้จ่าย                                400,000
หักค่าลดหย่อน  ค่าลดหย่อนของห้างหุ้นส่วนสามัญ                         60,000
คงเหลือ           เงินได้สุทธิ                                                     340,000
ภาษีที่ต้องจ่าย   อัตราภาษีแบบก้าวหน้า (ตกในฐาน 10%)                11,500

ซึ่งการคำนวณภาษีของคณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคลนั้นเหมือนเดิมเช่นทุกปีที่ผ่านมา แต่การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของคณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่ใช่นิติบุคคลตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป (เริ่มใช้กับรายได้ที่เข้ามาปี 2557 ยื่นเสียภาษี 2558) ทางสรรพากรได้กำหนดหน้าที่เพิ่มเติมให้ยื่นแสดง "บัญชีรายรับ-จ่าย" ของคณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคลติดไปด้วย แล้วบัญชีรายรับ-จ่ายที่ว่านี้เป็นอย่างไร ทางสรรพากรก็เลยกำหนดแบบออกมาให้มีลักษณะดังนี้

2. สรุปบัญชีรายรับ-จ่ายตามจริงของห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล เอบีการแพทย์
ยอดเงินคงเหลือยกมาจากปีก่อน                                                                                  0  (1)
ยอดรวมรายรับระหว่างปีภาษี       1. กิจการรักษาผู้ป่วยในคลีนิค                             1,000,000 (2)
ยอดรวมรายจ่ายระหว่างปีภาษี     1. ค่าเช่าสถานที่                                              120,000
                                            2. ค่าน้ำไฟโทรศัพท์ อินเตอร์เนต                          10,000
                                            3. ค่าลูกจ้างพนักงาน                                        120,000
                                            4. ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์                                100,000
                                            5. ค่ายาและเวชภัณฑ์                                       100,000
                                            6. อื่นๆ เช่น ค่าทำความสะอาด ค่าเครื่องใช้สำนักงาน   20,000
                                               รวมค่าใช้จ่ายที่แท้จริง                                       470,000  (3)
เงินคงเหลือเป็นกำไรในห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคลเท่ากับ            (1)+(2)-(3) = 530,000
มีการแบ่งกำไรออกมาให้หุ้นส่วนเป็นจำนวน                                                           500,000
ยอดเงินคงเหลือยกไปในปีถัดไป                                                                           30,000

เมื่อทำบัญชีรายรับ-จ่ายแสดงให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายนั้นต้องเป็นค่าใช้จ่ายตามจริงมีหลักฐานเป็นใบเสร็จหรือใบกำกับภาษีพร้อมให้สรรพากรตรวจสอบ และยอดเงินคงเหลือที่ยกไปในปีถัดไปจะต้องถูกแจ้งว่าอยู่ในบัญชีธนาคารอะไร ชื่อบัญชีอะไร เลขที่บัญชีอะไร ซึ่งยอดเงินคงเหลือจะต้องตรงกับที่แจ้งไว้ ซึ่งสรรพากรสามารถเข้าไปตรวจสอบบัญชีนั้นๆ เพื่อความถูกต้องของบัญชีที่แสดงไว้

จากบัญชีรายรับ-จ่ายของห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล เอบีการแพทย์ จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกำไรออกมาให้หุ้นส่วนเป็นจำนวน 500,000 แสดงว่าทางหุ้นส่วนได้มีการถอนเงินออกไป แบ่งกันตามสัดส่วนของผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญนี้ ถ้าสมมุติว่าห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล เอบีการแพทย์นี้ มีสัดส่วนการถือครองหุ้นของ นายแพทย์เอ เท่ากับ 80% นายบี เท่ากับ 20% แสดงว่า นายแพทย์เอ จะได้รับเงินจากการถอนเงินนี้เท่ากับ 400,000 บาท ส่วนนายบี จะได้รับเงินเท่ากับ 100,000 บาท ซึ่งเงินที่ได้รับนี้จะต้องนำไปรวมเป็นรายได้ 40(8) ของแต่ละคนอีกที ในส่วนนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายที่เพิ่มขึ้นมา ทำให้ต้องเสียภาษีอีกเป็นครั้งที่ 2

3. การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของ นายแพทย์เอ
รายได้             40(8) จากส่วนแบ่งกำไรของห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล เอบีการแพทย์   400,000 
                     40(1) เงินเดือนจากการเป็นแพทย์โรงพยาบาลรัฐ            360,000
หักค่าใช้จ่าย     40(8) ส่วนแบ่งกำไรหักค่าใช้จ่ายเท่ากับ                                 0
                     40(1) เงินเดือนหักค่าใช้จ่าย 40% แต่ไม่เกิน 60,000        60,000
คงเหลือ          เงินได้หลังการหักค่าใช้จ่าย                                        700,000
หักค่าลดหย่อน ค่าลดหย่อนส่วนตัว                                                     30,000
คงเหลือ          เงินได้สุทธิ                                                             670,000
ภาษีที่ต้องจ่าย  อัตราภาษีแบบก้าวหน้า (ตกในฐาน 15%)                        53,000

4. การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของ นายบี
รายได้             40(8) จากส่วนแบ่งกำไรของห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล เอบีการแพทย์   100,000
                     40(1) เงินเดือนจากงานประจำ                                    600,000
หักค่าใช้จ่าย     40(8) ส่วนแบ่งกำไรหักค่าใช้จ่ายเท่ากับ                                 0
                     40(1) เงินเดือนหักค่าใช้จ่าย 40% แต่ไม่เกิน 60,000        60,000
คงเหลือ          เงินได้หลังการหักค่าใช้จ่าย                                        640,000
หักค่าลดหย่อน ค่าลดหย่อนส่วนตัว                                                     30,000
คงเหลือ          เงินได้สุทธิ                                                             610,000
ภาษีที่ต้องจ่าย  อัตราภาษีแบบก้าวหน้า (ตกในฐาน 15%)                        44,000

ทำให้นายแพทย์เอ ต้องเสียภาษีจำนวน 53,000 บาท และนายบีต้องเสียภาษีจำนวน 44,000 โดยทั้งสองคนมีภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีส่วนแบ่งกำไรของห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล เอบีการแพทย์ เข้ามา และส่วนแบ่งกำไรนี้ยังไม่สามารถหักค่าใช้จ่ายทางภาษีได้อีก ทำให้ทั้งคู่ต้องรับภาระภาษีเพิ่มขึ้น

ในตอนหน้าจะมาดูวิธีลงบัญชีรายรับ-จ่ายที่เป็นใบแนบที่ต้องยื่นพร้อภงด. 90 ว่าจะมีแนวทางในการเขียนอย่างไร และแนวทางของคณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคลว่า ในปี 2558 นี้ควรจะทำอย่างไร รวมถึงคำถามที่เกี่ยวข้องกับคณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคลที่พบเจอบ่อย พบกันตอนหน้านะคะ