Saturday, January 20, 2024

หาหมอออนไลน์

หลังจากที่สถานการณ์โควิดได้เกิดขึ้น ทำให้การดำรงชีวิตของเรามีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมาก ออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้น เราสามารถอยู่บ้านใช้ชีวิตประจำวันได้โดยที่ไม่ต้องออกไปพบปะผู้คน ไม่ต้องไปไหนก็สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้ การเปลี่ยนแปลงล่าสุดที่เกิดขึ้นก็คือ เราสามารถหาหมอออนไลน์ได้ พูดคุยปรึกษากับแพทย์โดยไม่ต้องเจอตัวกัน วินิจฉัยโรค สั่งยา ผ่านทางออนไลน์ทั้งหมด สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นทางเลือกของเราที่จะประหยัดเวลา และ สะดวกสบายยิ่งขึ้น ผู้ให้บริการหาหมอออนไลน์จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้ 

  1. หาหมอออนไลน์ที่จัดทำขึ้นโดยโรงพยาบาลเอง เป็นการปรึกษาแพทย์ บริการ Telemedicine โดยแพทย์ในโรงพยาบาลนั้นๆ ที่จัดสรรเวลามารับคนไข้ออนไลน์ หากเรามีประวัติกับทางโรงพยาบาลอยู่แล้วก็จะทำให้การรักษารวดเร็วยิ่งขึ้น การหาหมอออนไลน์ของบางโรงพยาบาลยังสามารถเบิกสิทธิ ประกันสังคม 30 บาทรักษาทุกโรค หรือ เคลมกับบริษัทประกันได้อีกด้วย

  2. หาหมอออนไลน์ที่จัดทำขึ้นโดยคนกลาง คนกลางอาจจะมาจากภาครัฐ หรือ เป็นเอกชน ที่มาร่วมมือกันจัดทำแอปพลิเคชั่นหาหมอออนไลน์ขึ้น เพื่อรวบรวมแพทย์ พยาบาล เภสัชกร จากหลายๆ ที่ และ หลายๆ โรงพยาบาลมาให้คำปรึกษาทางการรักษา ประเมินอาการเบื้องต้น หรือ จัดยาที่เหมาะสมแล้วส่งไปให้ถึงบ้าน 

  3. หาหมอออนไลน์ที่จัดทำขึ้นโดยบริษัทประกัน โดยบริษัทประกันจะมีแพทย์ที่เป็น Partner กับทางบริษัทประกันอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเรามีการซื้อประกันกับทางบริษัทประกันนั้น บริษัทประกันก็จะมีบริการหาหมอออนไลน์ผ่านทางเวบไซต์ หรือ แอปพลิเคชั่นที่ทางบริษัทประกันจัดทำขึ้น นอกจากนี้เรายังสามารถเคลมค่ารักษากับทางบริษัทประกันได้ทันที 

 

Monday, March 27, 2023

7 ข้อที่ควรรู้ก่อนทำพินัยกรรม

7 ข้อที่ควรรู้ก่อนทำพินัยกรรม

การทำพินัยกรรมคือ การแสดงความตั้งใจที่จะมอบทรัพย์สินให้เป็นมรดกแก่บุคคลที่เราต้องการ แต่การทำพินัยกรรมนี้ก็มีข้อที่เราควรรู้ก่อน เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว

1. ในพินัยกรรม ผู้รับมรดกจะเป็นใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทก็ได้

2. หากผู้รับมรดกตายก่อนผู้ทำพินัยกรรม พินัยกรรมก็จะตกไป ใช้บังคับไม่ได้

3. ไม่สามารถทำพินัยกรรมยกให้สัตว์เลี้ยงได้ ผู้รับมรดกต้องเป็นคน จะเป็นสัตว์เลี้ยงไม่ได้

4. หากในพินัยกรรมมีการกำหนดเงื่อนไข ว่าต้องเกิดเงื่อนไขนี้ก่อน จึงจะรับมรดกได้ แต่ผู้รับมรดกเกิดตายก่อนเงื่อนไขที่จะสำเร็จ  หรือ ปรากฏว่าเงื่อนไขนี้ไม่อาจสำเร็จได้อย่างแน่นอน พินัยกรรมนี้ก็จะตกไป 

5. หากทรัพย์สินที่ผู้ทำพินัยกรรมต้องการที่จะยกให้ ถูกทำลาย หรือ สูญหายในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมยังมีชีวิตอยู่ ก็จะถือว่าทรัพย์สินนี้ในพินัยกรรมได้ตกไป ใช้บังคับไม่ได้

6. ผู้รับมรดกตามพินัยกรรมมีสิทธิที่จะสละมรดกได้ แต่จะเลือกสละบางส่วน เลือกเอาบางส่วนไม่ได้ สละต้องสละทั้งหมด

7. หากในการเขียนพินัยกรรมที่ต้องมีพยาน  พยานและคู่สมรสพยานจะไม่สามารถเป็นผู้รับมรดกได้



Friday, October 21, 2022

ทำไมต้องวางแผนมรดก

การวางแผนมรดก (Estate Planning) คือกระบวนการวางแผนจัดการ เพื่อให้การส่งต่อทรัพย์สินเป็นไปตามความต้องการของเจ้าของทรัพย์สินเมื่อเจ้าของทรัพย์สินได้เสียชีวิตไปแล้ว

 
ดังนั้น หากเรามีทรัพย์สินไม่ว่าจะมากหรือน้อย แล้วทรัพย์สินเหล่านี้มันเกี่ยวข้องกับหลายๆ คน ที่อาจจะเป็นผู้สืบสันดาน ญาติ หรือ เจ้าหนี้ เราจึงต้องมีการวางแผนมรดก 

  1.  เพื่อให้มั่นใจว่าทรัพย์สินได้ถูกส่งต่อไปยังทายาทคนที่เราต้องการ 
  2.  เพื่อมั่นใจว่าทายาทคนที่เราต้องการได้รับทรัพย์สินนั้น ได้รับทรัพย์สินครบถ้วน
  3.  เพื่อให้กระบวนการส่งต่อทรัพย์สินเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาไปกับข้อกฏหมาย หรือ ข้อจำกัดต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่เราเสียชีวิตแล้ว 
  4.  เพื่อให้กระบวนการส่งต่อมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด สูญเสียทรัพย์สินที่มีอยู่ให้น้อยที่สุด ลดปัญหาด้านภาษีมรดก และ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อเราได้เสียชีวิตไปแล้ว 
  5.  เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินของเราที่อาจจะส่งต่อไปยังทายาท ให้หนี้สินของเราได้หมดไปไม่ต้องเป็นภาระกับทายาทอีก
  6.  เพื่อป้องกันปัญหาความวุ่นวายของทายาทที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้ครอบครัวเข้าใจในความตั้งใจของเราที่จะมอบทรัพย์สินให้ใคร ตัดปัญหาทายาทโดยธรรมที่ไม่ได้ตั้งใจจะมอบให้ 
  7.  เพื่อให้มั่นใจว่าคนที่จะมาดูแลทรัพย์สินของเรา หรือ ดูแลทายาทต่อแทนเรา เป็นคนที่เราตั้งใจไว้และไว้วางใจมากที่สุด


Monday, February 21, 2022

ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายอสังหา: กรณีทั่วไปที่ไม่ได้รับมาจากมรดก

เมื่อเราได้ตกลงที่จะซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะโอนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งขั้นตอนนี้เราต้องไปที่ดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานเขตที่ดิน หรือ สำนักงานที่ดินจังหวัด ซึ่งนอกจากเราจะต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนแล้ว เราก็ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายในการโอนเช่นกัน ค่าใช้จ่ายในการโอนขึ้นกับการตกลงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นเราก็ควรรู้ว่าค่าใช้จ่ายในการโอนว่าประกอบ ด้วยอะไรบ้าง จะได้คำนวณเตรียมเงินเอาไว้ก่อน

1.    ค่าธรรมเนียมการโอน จะอยู่ที่ 2% ของราคาประเมิน แต่ในปี 2565 นี้ถ้าราคาของอสังหาริมทรัพย์ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ค่าธรรม-เนียมในการโอนนี้จะปรับลดลงเหลือ 0.01% ค่าธรรมเนียมในการโอนนี้ก็แล้วแต่ตกลงกับผู้ซื้อและผู้ขายว่าใครจะรับผิดชอบไป

2.    ค่าจดจำนอง จะอยู่ที่ 1% ของมูลค่าจดจำนอง แต่ในปี 2565 นี้ถ้าราคาของอสังหาริมทรัพย์ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ค่าจดจำนองในการโอนนี้จะปรับลดลงเหลือ 0.01% ค่าจดจำนองในการโอนนี้ก็แล้วแต่ตกลงกับผู้ซื้อและผู้ขายว่าใครจะรับผิดชอบไป

3.    ค่าอากรแสตมป์ หากผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดาแล้วมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี หรือถือครองเกิน 5 ปี จะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ คิดที่ 0.5% ของราคาซื้อขาย หรือ ราคาประเมิน แล้วแต่ราคาไหนจะสูงกว่ากัน ถ้าเสียอากรแสตมป์แล้วก็ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะอีก ค่าอากรแสตมป์นี้ผู้ขายจะเป็นผู้รับผิดชอบ

4.    ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีธุรกิจเฉพาะนี้ใช้ในกรณีที่ไม่เข้าข่ายเสียอากรแสตมป์ก็จะมาเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแทน คิดที่ 3.3% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมินแล้วแต่ราคาไหนจะสูงกว่า ภาษีธุรกิจเฉพาะนี้ผู้ขายจะเป็นผู้รับผิดชอบ

5.    ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ถ้าผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดาจะเอาราคาประเมินมาหักค่าใช้จ่ายที่ถือครอง แล้วหารด้วยจำนวนปีที่ถือครอง แล้วคำนวณตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แล้วคูณกับจำนวนปีที่ถือครองก็จะได้ยอดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานี้ผู้ขายจะเป็นผู้รับผิดชอบ

Monday, October 18, 2021

เมื่อไรที่เราควรใช้เงินสำรองฉุกเฉิน

เงินสำรองฉุกเฉินคือเงินที่เราเตรียมไว้ไช้สำหรับกรณีที่ฉุกเฉิน ควรกันไว้อย่างน้อย 3 - 6 เท่าของค่าใช้จ่ายประจำ หรือ แล้วแต่อาชีพและความเหมาะสมของแต่ละคน เงินสำรองฉุกเฉินควรนำมาใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังนี้

1.    เป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากที่คาดเอาไว้

ค่าใช้จ่ายนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่เกิดขึ้นทันที นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดมาก่อน ไม่ ได้ตั้งเป็นงบเอาไว้ เช่น ค่าซ่อมบ้านเนื่องจากน้ำท่วม ค่าซ่อมรถที่ถูกชน ค่ารักษาพยาบาลของคนในครอบครัวที่เจ็บป่วยกะทันหัน

2.    เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเร่งด่วน

ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเร่งด่วน มักจะเกิดแบบไม่คิดเอาไว้ หรือ ไม่รู้ว่ามันจะมีค่าใช้จ่ายนี้เกิดขึ้นหากไม่จ่ายในทันทีจะเกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อตัวเราและครอบครัว เราต้องรีบจ่ายทันที เช่น ค่าประกันตัวในชั้นศาล ค่าปรับต่างๆ

3.    เป็นค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลของแต่ละบุคคล

ค่าใช้จ่ายนี้ขึ้นกับเหตุและปัจจัยของแต่ละคน ดูที่ความสมเหตุสมผลเป็นหลัก บางคนอาจจะตกงานหรือโดนปลดแบบไม่ทันตั้งตัว หรือ บางคนอาจจะสูญเสียบุคคลในครอบครัวแล้วยังไม่สามารถตั้งหลักได้ทัน ก็ต้องเอาเงินสำรองฉุกเฉินมาใช้จ่ายก่อน

ถึงแม้ว่าเราจะมีการกันเงินไว้สำรองฉุกเฉินไว้แล้วก็ตาม แต่เราก็ต้องมีการคำนวณเงินสำรองฉุกเฉินให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ หากมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เราจะได้มีเงินไว้ใช้จ่ายอย่างเพียงพอนะคะ

Friday, July 23, 2021

วัคซีนทางการเงิน

หลายๆ วันที่ผ่านมานี้เราจะเจอเรื่องราวกลโกงทางการเงินที่ปรากฏในข่าวต่างๆ กลโกงเหล่านี้อาจจะมาในรูปแบบของเงินดิจิตอล หรือ กลโกงแบบหลอกให้ลงทุนเพื่อได้ผลตอบแทนสูงๆ เป็นลักษณะเครือข่ายขายของต่างๆ กลโกงเหล่านี้จะมีวิธีใหม่ๆ เพิ่มขึ้นตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ดังนั้น เราจึงควรที่มี “วัคซีนทางการเงิน” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันจากการกลโกงสารพัดรูปแบบนี้

หากเราได้ดูสารคดี Money, Explained ใน Netflix ที่ได้พูดถึงกลโกงทางการเงินไว้ในตอน “Get Rich Quick” โดยในตอนนี้จะกล่าวถึงการที่มิจฉาชีพหากินกับคนที่อยากรวยเร็วๆ จึงออกแบบกลโกงมาล่อคนที่ขาดความรู้ทางการเงิน ในสารคดีจะแบ่งกลโกงออกมาเป็น 5 รูปแบบเพื่อหลอกล่อเรา

1.    Advance fee ช่วยจ่ายค่าธรรมเนียมมาก่อนแล้วจะส่งเงินให้ทีหลัง กลโกงวิธีมิจฉาชีพจะใช้วิธีหว่านโดยส่งจดหมาย อีเมล์หรืออาจจะเป็นข้อความ SMS มาหาเราว่า เราถูกรางวัลที่มีมูลค่าสูงมาก แต่การจะได้เงินมา ต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมไปก่อน จึงอยากจะให้เราโอนเงินค่าธรรมเนียมมา แล้วเมื่อไรที่ได้รางวัลมา ก็จะเอามาให้ คนที่หลงเชื่อก็จะโอนค่าธรรมเนียมไปให้ก่อน เพื่อหวังจะได้เงินจำนวนมหาศาล แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับคืนมา

2.    Pump and Dump ปั่นราคาแล้วเท เป็นวิธีที่พบเห็นบ่อยกับหุ้นหรือเงินดิจิตอล ที่มิจฉาชีพจะกล่อมให้ผู้คนมาลงทุนในของบางอย่างที่ดูไม่มีราคาหรือของธรรมดาๆ แต่สร้างเรื่องราวให้น่าสนใจ เพื่อปั่นราคาให้สูงขึ้น ให้คนเข้าไปซื้อ แล้วจึงเทออกขายตอนที่ราคาสูงสุดหรือราคาที่มิจฉาชีพพอใจ แล้วราคาก็กลับมาอยู่ที่เดิม ทำให้คนที่ซื้อไปได้ราคาที่อยู่บนยอดดอย 

3.    Ponzi แชร์ลูกโซ่ กลโกงวิธีนี้มิจฉาชีพจะเริ่มต้นโดยการตีสนิท ทำความรู้จักกันก่อน อาจจะปลอมแปลงให้ตัวเองดูดีดูน่าเชื่อถือว่าร่ำรวยจากการลงทุน แล้วก็จะชักชวนเราว่าหากนำเงินมาลงทุนกับเขา เขาจะทำกำไรเป็นจำนวนมากถึง 20-30% เมื่อคนเริ่มเอาเงินมาลงทุน มิจฉาชีพก็จะให้แบ่งผลตอบแทน 20-30% ตามที่บอกไว้แก่คนที่ลงทุนคนแรกโดยนำเงินลงทุนของคนสองมาจ่าย และให้ผลตอบแทนแก่คนสองโดยเอาเงินลงทุนของคนที่สามมาจ่าย จะเป็นแบบนี้วนไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้มีกำไรที่เกิดขึ้นจากการบริหารที่แท้จริง เงินที่เหลือ 70-80% ที่ลงทุนของทุกคนจะตกอยู่ที่มิจฉาชีพ ซึ่งถ้าทุกคนถอนเงินพร้อมกันหรือไม่มีคนใหม่เข้ามา ระบบก็จะล่ม  

4.    Pyramid สร้างฐานสมาชิกในลักษณะพีระมิด กลโกงวิธีนี้มิจฉาชีพจะเป็นเจ้ามือจ่ายเงินให้กับคนแรกที่เข้ามาเป็นสมาชิก แล้วถ้าคนแรกพาเพื่อนมาเป็นสมัครสมาชิก ก็จะเก็บเงินค่าสมาชิกกับเพื่อนๆ ยิ่งมีสมาชิกเยอะขึ้นคนแรกก็จะได้ส่วนแบ่งจากค่าสมาชิกมากขึ้น ดังนั้นเมื่อคนที่สองเป็นสมาชิกที่มาจากการแนะนำของคนแรก ก็จะเหมือนกับพีระมิดที่ดันฐานคนที่แรกให้สูงขึ้น คนที่สองก็จะหาสมาชิกเพิ่มไปเรื่อยๆ คนที่สามสี่ห้าหกที่เข้ามาก็จะเป็นฐานให้คนที่สอง เป็นการเพิ่มฐานให้กับพีระมิดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ วิธีนี้จะพบได้บ่อยกับธุรกิจเครือข่ายที่เน้นให้คนมาเป็นสมาชิกแล้วขายของไปด้วย ถ้าของที่ขายเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ขายไม่ออก และ ไม่มีคนใหม่เข้ามา พีระมิดก็จะพังลง มิจฉาชีพที่อยู่บนสุดของพีระมิดก็จะได้เงินจากค่าสมาชิกและของที่ขายออกไปแบบสบายๆ  

5.    Coaching Scheme จูงใจให้มาจ่ายเงินเรียนเพื่อแลกกับหลักสูตรรวยเร็ว กลโกงวิธีนี้จะคล้ายกับกลโกงแบบจ่ายค่าธรรมเนียมล่วงหน้าเพื่อจะได้เงินที่ต้องการ แต่เป็นการจ่ายเงินเพื่อแลกกับความรู้ที่ทางมิจฉาชีพรับรองว่าจะทำเงินให้กับเรา เราอาจจะเคยได้ยินคำโฆษณาที่ว่า วิธีรวยทางลัด ทำรายได้ 1 ล้านภายใน 3 เดือน เมื่อเราสนใจเข้าไป เราต้องซื้อคอร์สเพื่อจะได้ความรู้นั้นมา ซึ่งคอร์สส่วนใหญ่ก็มักจะไม่เป็นจริงหรือเป็นจริงก็จะยากมาก มิจฉาชีพก็จะขายคอร์สแพงต่อไปอีกเรื่อยๆ เพื่อให้เราอยากได้เคล็บลับนั้นมา ซึ่งเราจะตกอยู่ในคำพูดที่สวยหรู หรือ หลงอยู่ในวิธีการขาย เช่น ถ้าทำตามนี้ง่ายๆ ก็จะได้เงินมาแน่นอน ปั้นตัวละครมาพูดโน้มน้าวให้เราเชื่อถือ แล้วจบด้วยว่าต้องรีบลงคอร์สนั้นตอนนี้ เราจะเปิดเป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว 

กลโกงทั้ง 5 แบบนี้ จะมาในช่วงที่เศรษฐกิจแย่ มีโรคระบาด คนต้องการความหวัง ต้องการอะไรที่แปลกใหม่กับชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นจากที่เดิม ดังนั้น นอกจากที่เราควรจะมีวัคซีนป้องกันโรคแล้ว เรายังควรจะมีวัคซีนทางการเงินป้องกันการหลอกลวง ไม่ให้ตกไปเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ การจะมีวัคซีนทางการเงินนั้น ก็จะมาจากการได้รับความรู้ด้านทักษะทางการเงิน (Financial Literacy) มีความรู้ทางด้านการเงินการลงทุน เข้าใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ผลตอบแทนการลงทุน อัตราเงินเฟ้อ การวางแผนการเงิน การวางแผนการเกษียณ สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นภูมิต้านทานป้องกันการหลอกลวงทางการเงินให้กับตัวเราได้